การซื้อขายฟอเร็กซ์ดำเนินการผ่านตลาดแบบกระจายศูนย์ซึ่งผู้เข้าร่วมซื้อขายสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง มันเกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งและการขายอีกสกุลเงินหนึ่งพร้อมๆ กัน โดยมีเป้าหมายในการทำกำไรจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน มาเจาะลึกลงไปว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์ทำงานอย่างไร:
คู่สกุลเงิน:
สกุลเงินจะถูกซื้อขายเป็นคู่เสมอ เช่น EUR/USD หรือ GBP/JPY สกุลเงินแรกในคู่สกุลเงินนี้เรียกว่าสกุลเงินฐาน ในขณะที่สกุลเงินที่สองคือสกุลเงินอ้างอิง อัตราแลกเปลี่ยนแสดงถึงมูลค่าของหนึ่งหน่วยของสกุลเงินหลักในแง่ของสกุลเงินอ้างอิง
ราคา Bid และ Ask:
ในแต่ละคู่สกุลเงิน มีสองราคา: ราคา Bid และราคา Ask ราคาเสนอซื้อคือราคาที่ตลาดเต็มใจที่จะซื้อสกุลเงินฐาน ในขณะที่ราคาเสนอขายคือราคาที่ตลาดเต็มใจที่จะขายสกุลเงินฐาน ความแตกต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายเรียกว่าสเปรด
ตำแหน่ง Long และ Short:
เมื่อคุณเชื่อว่ามูลค่าของสกุลเงินพื้นฐานจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอ้างอิง คุณจะเปิดสถานะ Long ในกรณีนี้ คุณจะซื้อสกุลเงินหลักและขายสกุลเงินอ้างอิง ในทางกลับกัน หากคุณคาดการณ์ว่าสกุลเงินหลักจะมีมูลค่าลดลง คุณจะเปิดสถานะขาย ซึ่งหมายถึงการขายสกุลเงินหลักและการซื้อสกุลเงินอ้างอิง
เลเวอเรจและมาร์จิ้น:
การเทรดฟอเร็กซ์มักจะเกี่ยวข้องกับการใช้เลเวอเรจ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นด้วยเงินทุนจำนวนเล็กน้อย เลเวอเรจแสดงเป็นอัตราส่วน (เช่น 1:100) ซึ่งระบุจำนวนเงินทุนที่ต้องใช้ในการเปิดสถานะ มาร์จิ้นคือส่วนของเงินทุนของนักเทรดที่ผูกติดอยู่กับการเทรดเพื่อเป็นหลักประกัน
ผู้เข้าร่วมในตลาด:
ตลาดฟอเร็กซ์ประกอบด้วยผู้เข้าร่วมที่หลากหลาย รวมถึงธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัท รัฐบาล และผู้ค้ารายย่อย ธนาคารและสถาบันการเงินเป็นผู้ให้บริการสภาพคล่องหลัก ในขณะที่ผู้ค้ารายบุคคลสามารถเข้าถึงตลาดผ่านนายหน้า
เซสชันของตลาด:
ตลาดฟอเร็กซ์ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ โดยแบ่งออกเป็นช่วงต่างๆ รวมถึงช่วงเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ แต่ละเซสชันมีลักษณะเฉพาะและปริมาณการซื้อขายของตัวเอง โดยคาบเกี่ยวเกิดขึ้นเมื่อหลายเซสชันเปิดพร้อมกัน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราแลกเปลี่ยน:
อัตราแลกเปลี่ยนได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่าง รวมถึงตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจ (เช่น อัตราดอกเบี้ย GDP และอัตราเงินเฟ้อ) เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ อารมณ์ตลาด และนโยบายของธนาคารกลาง ผู้ค้าวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้เพื่อทำการตัดสินใจซื้อขายอย่างชาญฉลาด
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน:
ผู้ค้า Forex ใช้เทคนิคการวิเคราะห์ต่างๆ เพื่อระบุโอกาสในการซื้อขายที่เป็นไปได้ การวิเคราะห์ทางเทคนิคเกี่ยวข้องกับการศึกษาแผนภูมิ รูปแบบ และตัวบ่งชี้เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่อาจส่งผลต่อค่าสกุลเงิน
การดำเนินการและประเภทคำสั่ง:
ในการเข้าหรือออกจากการเทรด เทรดเดอร์จะทำการสั่งซื้อกับโบรกเกอร์ของตน คำสั่งซื้อขายในตลาดจะดำเนินการทันทีในราคาตลาดปัจจุบัน ขณะที่คำสั่งซื้อขายที่รอดำเนินการจะช่วยให้ผู้ค้าสามารถกำหนดระดับราคาที่ต้องการเข้าหรือออกจากตลาดได้
การจัดการความเสี่ยง:
การจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการเทรดฟอเร็กซ์ เทรดเดอร์ใช้เทคนิคต่างๆ เช่น การตั้งค่าคำสั่งหยุดการขาดทุนเพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น การใช้ขนาดตำแหน่งที่เหมาะสม และการกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง
โปรดจำไว้ว่าการซื้อขายฟอเร็กซ์มีความเสี่ยง และเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องให้ความรู้แก่ตัวเอง ฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง และพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่มั่นคงก่อนที่จะเสี่ยงกับเงินทุนจริง ด้วยการทำความเข้าใจวิธีการทำงานของการเทรดฟอเร็กซ์และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับการพัฒนาของตลาด คุณจะสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาดที่มีพลวัตและให้ผลตอบแทนสูงนี้ได้